ในการทำงานไม่ว่าที่ไหนก็ล้วนแต่ต้องการความสะดวกสบายและการเอาใจใส่สุขภาพ เพื่อให้บุคลากรที่ทำงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและห่างไกลจากปัญหาโดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ เพราะสุขภาพคือปัจจัยแรกเริ่มที่ทำให้าการทำงานของบุคลากรเป็นไปได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานภายในโรงงานอุตสาหกรรมหรือแหล่งที่ต้องทำงานกับเครื่องจักร สารเคมี และการเผาไหม้ต่างๆ สิ่งที่จำเป็นต่อบุคลากรเหล่านี้ไม่เพียงแต่การป้องกันจากสารเคมีและมาตรการความปลอดภัย แต่ยังรวมไปถึงปัจจัยที่หลายคนอาจมองข้าม นั่นคือความเพียงพอของการถ่ายเทอากาศและปริมาณออกซิเจนในการดำเนินชีวิต เพราะออกซิเจนที่เพียงพอคือปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต เครื่องวัดแก๊สออกซิเจนจึงเป็นเครื่องมือที่เข้ามาป้องกันไม่ให้ขาดแคลนการถ่ายเทของอากาศและปริมาณออกซิเจนในโรงงาน ยิ่งเมื่อโรงงานอุตสาหกรรมนั้นต้องอยู่ใกล้สารเคมี แก๊ส ความร้อน และการเผาไหม้ ซึ่งล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนเป็นหนึ่งในกระบวนการการผลิต อีกทั้งบุคลากรที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ก็ต้องการใช้ออกซิเจนที่เพียงพอ รวมถึงจำเป็นต้องจัดการดับสารเคมีอื่นๆ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ได้รับสารเคมีหรือแก๊สเหล่านั้นมากจนเกินไป ให้บุคลากรมีสุขภาพที่ดีและพร้อมต่อการทำงาน เครื่อง วัด แก๊ส ที่มีคุณภาพ จึงเป็นเครื่องมือเพื่อรักษาระดับของแก๊สออกซิเจนไม่ให้ถูกเผาไหม้ตามกระบวนการการผลิตจนขาดแคลนต่อบุคลากรหรือการรักษาสภาพของเครื่องจักรนั่นเอง เครื่องวัดแก๊สออกซิเจนจึงทำหน้าที่ตรวจวัดความเข้มข้นของปริมาณออกซิเจนในอากาศ ด้วยวิธีการใช้เซนเซอร์ตรวจจับออกซิเจน เซนเซอร์ในเครื่องวัดแก๊สออกซิเจนถูกคิดค้นและผลิตครั้งแรกโดย Robert Bosh GmbH ช่วงปลาย 1960 แรกเริ่มนั้นประดิษฐ์จาก Zirconia ceramic เคลือบด้วยชั้นแพลตตินั่มแบบบาง ต่อมา ได้มีการลดมวลเซรามิคลง ทำให้การตรวจจับรวดเร็วต่อออกซิเจนมากขึ้นและแม่นยำขึ้นด้วย โดยทั่วไปแล้ว เครื่องวัดแก๊สออกซิเจนจะตรวจสอบปริมาณความเข้มข้นของออกซิเจน ซึ่งความเข้มข้นปกติของออกซิเจนในบรรยากาศมีปริมาณประมาณ 20.9% ซึ่งถ้าหากปริมาณของออกซิเจนมีมากหรือน้อยเกินไปก็ส่งผลต่อการดำรงชีวิตและต่อการทำงานของกระบวนการการผลิตได้ นอกจากการรักษาระดับความเข้มข้นของแก๊สออกซิเจนในระดับที่ควรเป็นแล้ว ประโยชน์ของเครื่องวัดแก๊สออกซิเจนยังช่วยเป็นระบบความปลอดภัยให้กับโรงงานอีกด้วย เพราะช่วยป้องกันการระเบิดของเครื่องจักรเมื่อขาดออกซิเจน ป้องกันการรั่วไหลของแก๊สพิษต่างๆ ทำให้มีปริมาณออกซิเจนมากเพียงพอที่ท่อใต้ดินหรือเหมืองใต้ดินและสถานที่อื่นๆ จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการทำให้เครื่องจักรรักษาสภาพดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
