ตรวจสอบระบบไฟฟ้าบ้าน ใครว่ายาก? จริงๆ แล้วการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย คุณสามารถเช็คระบบไฟฟ้าในบ้านด้วยตนเองได้ หลายคนมักเข้าใจว่างานตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านเป็นหน้าที่ของช่างไฟ ซึ่งก็ใช่ แต่เราก็ควรศึกษาเอาไว้บ้างไม่เสียหาย เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งาน หรืออาจไปเจอปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นก็จะได้แก้ไขเอง ไม่ต้องเสียเงินหรือมีค่าใช้จ่ายสูง โดยไม่จำเป็น
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้าน
- เช็คไฟรั่ว
การเช็คไฟรั่วในบ้าน อันดับแรกให้ใช้ไขควงเช็คไฟ ดูในจุดที่เปื่อย หรือสายไฟที่เก่า รวมไปถึงการตรวจสอบผนังและเพดาน บางครั้งอาจมีน้ำหยดลงมาใส่ทำให้สายไฟชื้น อาจเกิดเหตุไฟช็อตได้
- ตรวจสอบมิเตอร์
ลองปิดไฟทุกจุดในบ้าน รวมถึงถอดปลั๊กออกให้หมด จากนั้นดูที่มิเตอร์ของบ้านว่ายังหมุนอยู่หรือไม่ หากมิเตอร์ยังหมุนอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าเกิดไฟรั่วในบ้าน ลองตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านว่ายังทำงานอยู่หรือไม่ หากยังทำงานอยู่ต้องรีบแจ้งช่างไฟมาแก้ไข ป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น
- ตรวจสอบแผงและระบบไฟ
ให้สังเกตรอบๆ แผงไฟ แผงไฟที่ดีต้องไม่มีรอยแตกของอุปกรณ์ ไม่มีมด แมลงเข้าไปทำรังในแผง นอกจากนั้นต้องตรวจสอบด้วยว่า คัทเอาท์ และเบรคเกอร์ยังทำงานปกติอยู่หรือไม่
- ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า
ตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น หม้อหุงข้าว พัดลม ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ทำงานปกติหรือไม่ สายไฟมีรอยไหม้ ชำรุดเสียหายอะไรหรือเปล่า ปลั๊กเสียบต้องสมบูรณ์ด้วย ให้ลองฟังเสียงตอนเปิดอุปกรณ์ มีเสียงดังหรือเสียงที่ผิดปกติหรือไม่ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ใกล้น้ำ หรือความชื้นต้องมีการต่อสายดินด้วย เพื่อป้องกันไฟรั่วหรือไฟฟ้ารัดวงจร
- ตรวจสอบเต้ารับ
ตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้าน อย่าลืมตรวจสอบเต้ารับด้วย สำคัญไม่แพ้กัน เต้ารับต้องไม่แตกร้าว ชำรุด เสียหายและควรติดตั้งให้สูง พ้นจากมือเด็ก
- การเดินสายไฟ
การเดินสายไฟต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการร้อยสายไฟใส่ท่อ ป้องกันอันตราย ตรงนี้เป็นหน้าที่ของช่างไฟ เลือกช่างไฟที่มีประสบการณ์ ทำงานเรียบร้อยและมีความรับผิดชอบ ไว้ใจได้
- ตู้ไฟฟ้า
ตู้ไฟฟ้า ควรตรวจเช็คขนาดของตู้ว่าตรงกับขนาดที่โครงการกำหนดหรือไม่ สายไฟที่ต่อเข้ากับเบรกเกอร์ต้องมีทองแดงโผล่มาให้เห็น
เห็นไหมว่าการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้าน ง่ายนิดเดียว ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย แม้คุณจะไม่ใช่ช่างไฟแต่ก็ควรศึกษาไว้สักนิด เพื่อความปลอดภัยจากการใช้ไฟ หรือถ้ามีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องแก้ไข ก็จะได้รีบแก้ไขทันเวลา คุณสามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าใหม่ได้ ดีกว่าปล่อยเอาไว้นานๆ ปัญหาเล็กน้อย อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำให้คุณมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นได้